ข่าว / ต.ค. 8, 2021

ภิญโญ พานิชเกษม YSS ท้าแข่งแต่งโช้คระดับโลก

   รางวัลแห่งความเพียรพยายามของโช้คอัพไทยที่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีให้ได้มาตรฐานสากลและมอบสมรรถนะช่วงล่างเต็มพิกัดเป็นใบเบิกทางสู่เจ้าตลาด high performance ครองสนามแข่งไทยและอาเซียน พร้อมส่งออกตอบสนองดีมานด์นักบิดมากกว่า 30 ประเทศ ขึ้นแท่นแชมป์โลกในปี 2562

“ผมอยากให้คนไทยเชื่อมั่นและภูมิใจในศักยภาพของคนไทยที่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้” ภิญโญ พานิชเกษม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วาย.เอส.เอส. (ประเทศไทย)จำกัด ย้ำถึงความมุ่งมั่นตั้งใจตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายระบบกันสะเทือน(โช้คอัพ)รถมอเตอร์ไซค์และรถกระบะ รวมถึงรถที่ใช้ในสนามแข่งกว่า 84 แบรนด์ ครอบคลุมรุ่นรถมากกว่า 2,500 รุ่น และชิ้นส่วนอุปกรณ์หลากหลายกว่า 5,000 รายการ ภายใต้แบรนด์ YSS และ YSS AUTO ทั้งในไทยและต่างประเทศนับตั้งแต่เริ่มต้นเส้นทางการทำงานปี 2526 ภิญโญได้สั่งสมประสบการณ์ในธุรกิจจำหน่ายชิ้นส่วนอะไหล่และอุปกรณ์เสริมยานยนต์ในตำแหน่งผู้จัดการแผนกการตลาด บริษัท ธนเสริม จำกัด

“...ผมทำงานเป็นลูกจ้างที่ธนเสริมอยู่ 9 ปี รุ่นพี่ในธุรกิจอะไหล่มอเตอร์ไซค์ก็ชวนออกมาร่วมหุ้นใน บริษัท ไทยเอเซียคอมเมอร์เชียล ตั้งแต่ปี 2536 ซึ่งภายหลังมีการควบรวมทั้งผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเป็นแทคสยามคอร์ปในปี 2549 ผมเป็นคนกลางช่วยบริหารและวางระบบ 1 ปี จึงมาทุ่มเต็มตัวให้ TSK”

ซีอีโอวัย 58 ปียังคงระลึกถึงช่วงเวลาแห่งการสร้างความเปลี่ยนแปลง ทั้งการปรับโครงสร้างธุรกิจจากหุ้นส่วนเดิมที่เป็นชาวไต้หวันกลายเป็นของคนไทย 100% พร้อมเปลี่ยนชื่อบริษัท TSK เป็น YSS  รวมถึงการปรับกลยุทธ์ธุรกิจฝ่าวิกฤตค่าเงินในปี 2540 ด้วยการรุกตลาดต่างประเทศให้มีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นจาก 10% เป็น 30% ในขณะนั้น

ขณะเดียวกันภิญโญยังต้องพยายามนำพาบริษัทให้สามารถก้าวข้ามจากตลาดอะไหล่เทียมสู่ผลิตภัณฑ์กลุ่ม high performance ให้สำเร็จ

“อะไหล่มอเตอร์ไซค์มีหลายตัว แต่เราเลือกโช้คอัพเพราะแข่งขันด้านประสิทธิภาพการดีไซน์และสร้างแบรนด์ได้ โดยเปลี่ยนจากตลาดอะไหล่ทดแทนเป็น high performance...จนมาพบกับ Harry จึงชวนเขาหุ้น 10% ทั้งในไทยและบริษัท R&D ที่ยุโรป...” ภิญโญกล่าวถึงจุดเปลี่ยนสำคัญในการจับมือกับพันธมิตรยุโรป Harrie Essens ผู้เชี่ยวชาญด้านโช้คอัพจากเนเธอร์แลนด์ และทีมวิจัยพัฒนาที่มีประสบการณ์มากมายจากรายการแข่งระดับโลก

ภิญโญยังเดินหน้าขยายน่านน้ำทางธุรกิจด้วยการใช้คุณภาพมาตรฐานระดับสากล เช่น ISO/TS 16949โดย Tuv Rheinland จากประเทศเยอรมนี และมาตรฐานคุณภาพผลิตภัณฑ์ ABE โดยสถาบัน Kraftfahrt-Bundesamt (KBA) จากประเทศเยอรมนี สำหรับโช้คในกลุ่มรถสกูตเตอร์และรถมอเตอร์ไซค์แบรนด์แรกในทวีปเอเชีย รวมถึงพัฒนาโช้คอัพแก๊สในระบบดับเบิลทิวส์สำหรับมอเตอร์ไซค์เป็นรายแรกของโลกในชื่อรุ่น HYBRID

กุญแจสำคัญของ YSS คือการเปลี่ยนผลิตภัณฑ์จากที่ต้องใช้เทคนิคปรับแต่งประสิทธิภาพให้เหมาะกับรถ ซึ่งมีความยุ่งยากซับซ้อนเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำไปใช้งานได้ง่าย ส่งผลให้บริษัทรายใหญ่ของทุกประเทศพร้อมใจกันเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้กับ YSS ไม่ว่าจะป็น เยอรมนี อิตาลี ฝรั่งเศส อังกฤษ และสเปน เป็นต้น

“การสร้างแบรนด์อย่างแรกเกิดจากการพิสูจน์ตัวเอง โดยเฉพาะในสนามแข่งที่เราคว้าชัยชนะหลายรายการทั่วโลก สองคือเรามีผลิตภัณฑ์หลากหลายครอบคลุมมากที่สุดในโลกถึง 5,000 รายการ...”

 

ปัจจุบันบริษัทครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ high performance ทั้งประเทศไทยและอาเซียนพร้อมส่งออกยังตลาดเอเชีย ตะวันออกกลาง ยุโรป แอฟริกา และอเมริกาใต้ โดยมีตัวแทนจำหน่ายมากกว่า 30 ประเทศทั่วโลกพร้อมศูนย์ service center ในประเทศและ 11 ศูนย์บริการในต่างประเทศ

สำหรับผลประกอบการในปีที่ผ่านมาบริษัทสามารถสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยรายได้จำนวน 824.45 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 102.27 ล้านบาท

 

 

“สัดส่วนรายได้ส่งออกประมาณ 50% เราเป็นเจ้าตลาดอาเซียน ทั้งมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม เมียนมา และสิงคโปร์”

เพิ่มสมรรถนะรุกตลาดโลก

“เราพัฒนาสินค้าใหม่ตลอดเวลา เรามี R&D ตั้งแต่ออกแบบรูปร่าง ปั้นโมเดลออกแบบด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ประกอบเสร็จและสามารถทดลองได้ รวมถึงการนำรถเข้ามาทดสอบบนถนนเหมือนลงสนามแข่ง...เรามีทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ทุกไตรมาส และการพัฒนาตามรถรุ่นใหม่ที่ออกมา โดยสามารถออกทุกสัปดาห์ตามการเปิดตัวของรถรุ่นใหม่” ภิญโญกล่าว

“ดีมานด์แต่ละแห่งแตกต่างกัน ส่วนใหญ่ในอาเซียนเป็นรถเล็กและสกูตเตอร์ ในอดีตรอเสียและเปลี่ยน แต่ปัจจุบันเขาเปลี่ยนของติดรถออกทั้งที่ยังไม่เสีย เพื่อใช้ YSS เพราะเราพิสูจน์ให้เขาเห็นว่า จ่ายเงินให้เราแล้วคุ้มค่า ไม่ใช่แค่สวย แต่เพราะ performance ส่วนยุโรปแบ่งเป็นตลาดสกูตเตอร์และบิ๊กไบค์ซึ่งเปลี่ยนเมื่อเสียหรือถึงระยะเวลา เนื่องจากใช้งานน้อยและถนนทางเรียบกว่าไทย”

ภิญโญกล่าวถึงโอกาสสร้างการเติบโตที่สะท้อนชัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซียซึ่งเป็นตลาดมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน รองลงมา ได้แก่ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ เมียนมา และมาเลเซีย ทั้งยังวางแผนรุกกลุ่มประเทศสหรัฐอเมริกา ตลาดออฟโรดขนาดใหญ่ที่สุดของโลก

“ในอนาคตสัดส่วนการส่งออกน่าจะถึง 70% และการเติบโตในอาเซียนเพิ่มเป็นเท่าตัวได้ไม่ยาก...เรายังสนใจประเทศญี่ปุ่น อเมริกาและออสเตรเลีย โดยเราวางแผนสร้างศูนย์วิจัยR&D ใน 3 ประเทศนี้...”

ขณะเดียวกันภิญโญยังลงทุนขยายไลน์การผลิตสปริงให้สอดคล้องกับโช้คอัพที่ได้รับพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดต้นทุนการผลิตและระยะเวลาการปรับแต่งผลิตภัณฑ์ให้สามารถวางตลาดได้รวดเร็วทันความต้องการ

“เรายังไม่มีนโยบายผลิตสปริงเพื่อขายรายอื่น โดยเน้นออกแบบสปริงใช้กับโช้คของเราเป็นหลัก...”

 

 

ภิญโญยังวางกลยุทธ์เพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์เจาะกลุ่มผู้ใช้รถกระบะ โดยร่วมกับทีมวิจัยค้นคว้าทวีปยุโรปพัฒนาโช้คอัพสำหรับรถกระบะ 4 x 2 และ 4 x 4

สำหรับก้าวต่อไปของ YSS ภิญโญให้ความสนใจในโอกาสสร้างการเติบโตผ่านการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

“การเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ มีทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะทำให้เราพัฒนาได้ง่ายและมีคนรับรองความโปร่งใส รวมถึงการเป็นมหาชนทำให้เราจับมือกับพันธมิตรได้ดีกว่า แต่ต้องแลกกับการเปิดเผยข้อมูลแผนธุรกิจ คู่แข่งรู้เรา แต่เราไม่รู้เขา ซึ่งกลยุทธ์บางอย่างเราบอกไม่ได้”

 

 

เครดิต : พรพรรณ ปัญญาภิรมย์
          CORPORATE EDITOR FORBES THAILAND

ภาพ    : จันทร์กลาง กันทอง

อ้างอิง : http://www.forbesthailand.com/entrepreneurs-detail.php?did=2778